ทัวร์คอเคซัส 11 วัน
ทัวร์
ยุโรป
ระยะเวลา
11 วัน
สายการบิน
วันเดินทาง
9-19 เมษายน 2563
Hilight

โกลบอล ฮอลิเดย์ ขอเชิญนักเดินทางทุกท่านร่วมท่องเที่ยวไปกับผู้มากประสบการณ์ตัวจริงบนดินแดนเทือกเขาคอเคซัสด้วยกัน

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    1) วันที่ 9/4/2563 กรุงเทพฯ (Bangkok)
    • 23.00 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 8 เคาน์เตอร์ Q โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน
  • Day 2
    2) วันที่ 10/4/2563 กรุงเทพฯ - โดฮา - บากู (อาเซอร์ไบจัน) เมืองเก่าบากู (Baku Old City) (L/D)
    • 02.10 น.    เหินฟ้าสู่ เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์ โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR837 
      (ใช้เวลาบิน 7 ชั่วโมง 20 นาที) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)
      05.30 น.  เดินทางถึงสนามบินโดฮา รอเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง เมืองบากู  
      07.30 น. เหินฟ้าสู่ เมืองบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจัน โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR351 
      (ใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง 50 นาที) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)
      11.20 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเฮดาอาลิเยฟ เมืองบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจัน หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยและรับกระเป๋าสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองบากู
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      เริ่มท่องเที่ยวนำชมเมืองหลวงบากู "บากู" หรือชื่อเดิม “บากี” เป็นภาษาเปอร์เซียแปลว่าเมืองแห่งสายลม เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอาเซอร์ไบจัน ตั้งอยู่ริมทะเลสาบแคสเปียนของภูมิภาคคอเคซัส เมืองบากูอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 28 เมตร จึงทำให้บากูเป็นเมืองหลวงที่อยู่ต่ำที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรมและอุตสาหกรรมของอาเซอร์ไบจัน มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ รวมทั้งมีสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่หลายแห่งรวมตัวกันอยู่ในเมืองนี้   
      นำท่านเดินเที่ยวบริเวณแถบ ย่านเมืองเก่า (Baku Old City) พาชม ประตูเมืองเก่าเชเมคา (Shemakha Gate) พระราชวังเชอร์วานชาค์ (Shirvanshakh's Palace) ภายในจะมีศาลตัดสินความ สุสานของกษัตริย์และเหล่าเชื้อพระวงศ์ โรงอาบน้ำโบราณ ที่พักกองคาราวาน (Caravanserai) หอสังเกตการณ์เมดาน (Maiden Tower) และ ตลาดผลไม้ในสมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งก่อสร้างในยุคศตวรรษที่ 11-12  ต่อมาในปีค.ศ.1806 อาเซอร์ไบจันถูกครอบครองโดยจักรวรรดิ์รัสเซีย ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการค้า มี
      ร้านค้ากว่า 700 ร้าน ประชากรรวมกันกว่า 7,000 คน ภายในกำแพงเมืองเก่ามีปืนใหญ่ตั้งอยู่รายรอบ ประตูเมืองทั้งสองแห่งเปิดให้ทำการค้าและมีการตั้งสำนักงานศุลกากรขึ้นในปีค.ศ.1809 ในเวลาต่อมาเมืองบากูเริ่มขยายและถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน พวกที่คิดว่าตนเองดีกว่ารวยกว่าก็ย้ายออกไปตั้งบ้านเรือนใหม่นอกกำแพงโดยนำรูปแบบการก่อสร้างแบบบาร็อคและโกธิคมาใช้ จึงทำให้ย่านเมืองบากูใหม่มีบ้านเมืองที่คล้ายคลึงกับแถบยุโรป นอกจากนี้ในปีค.ศ.2000 เมืองเก่าบากูได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมอีกด้วย
      ค่ำ        รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Intourist Hotel Baku Autograph Collection 5*, Baku หรือเทียบเท่า 
  • Day 3
    3) วันที่ 11/4/2563 บากู (Baku) - โกบูสถาน (Gobustan) (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      นำท่านเดินทางไปยัง โกบูสถาน (Gobustan) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองบากู โดยมีระยะทางราว 65 กิโลเมตร 
      อุทยานโกบูสถาน ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะภาพแกะสลักและภาพวาดที่เกี่ยวกับเรื่องราวการล่าสัตว์ การต่อสู้ และพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงช่วงยุคกลาง นักมานุษยวิทยาและนักโบราณคดีคาดว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในระหว่าง 5,000 - 40,000 ปีที่ผ่านมา โกบูสถานถูกค้นพบโดยกลุ่มคนงานเหมืองในปีค.ศ.1930 เมื่อพนักงานคนหนึ่งสังเกตเห็นภาพแกะสลักอยู่บนโขดหิน นอกจากนั้นยังค้นพบถ้ำที่เต็มไปด้วยภาพเขียนต่างๆที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของโลกและประเทศอาเซอร์ไบจัน องค์กรยูเนสโก้จึงประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ.2007 
      ระหว่างทางแวะชม ภูเขาไฟโคลน (Mud Volcano) ที่เกิดจากดินเหลวและก๊าซ ลักษณะคล้ายลาวาพุ่งขึ้นจากใต้ดิน ในประเทศอาเซอร์ไบจันมีภูเขาไฟโคลนมากกว่าครึ่งหนึ่งที่พบบนโลก 
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      นำท่านไปชม วิหารแห่งไฟอาเทสกาห์ (Ateshgah or Baku Fire Temple) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองบากู 30 กิโลเมตรในบริเวณหมู่บ้านซูราคานี เป็นวิหารที่ถูกสร้างขึ้นใช้สำหรับพิธีการบูชาไฟของศาสนาโซโรอัสเตอร์ในอดีตกาลก่อนศาสนาอิสลามจะเข้ามาเผยแพร่ในอาเซอร์ไบจันและถูกทำลายวิหารนี้ก็ถูกทำลายลง จนกระทั่งในช่วงคริสต์ศตวรรษที่15-17 ผู้ที่นับถือลัทธิบูชาไฟซึ่งเป็นกลุ่มพ่อค้าที่เดินทางเข้ามาค้าขายแถบแหลมอับเชอรอนได้สร้างวิหารนี้ขึ้นมาใหม่และสร้างส่วนอื่นๆ ขึ้นมาเพิ่มเติมจนเสร็จสิ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่19 ดังที่ท่านเห็นในปัจจุบัน 
      นำท่านไปที่ จุดชมวิวเมืองบากู (Sahidlar Xiyabani) ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงสุดจากยอดเขาทั้งเจ็ดลูกของเมืองบากู เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ในมุมกว้างของเมืองบากู สามารถมองเห็นอ่าวโค้งของทะเลสาบแคสเปียน ตัวตึกรามบ้านช่อง และอาคารสูงตระง่าน รวมทั้งท่าเรือและเรือขุดเจาะน้ำมัน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเมืองบากูมีการพัฒนาเมืองอย่างรวดเร็ว เพราะทรัพยากรธรรมชาติพวกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่มีอย่างมากมายมหาศาล ระหว่างทางขึ้นจุดชมวิว จะเดินผ่านสุสานของเหล่าทหารและวีรชนที่เสียชีวิตในสงคราม ใกล้กับจุดชมวิว จะเป็นที่ตั้งของกลุ่มอาคารรูปเปลวเพลิง (Flame Towers) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สะท้อนถึงความทันสมัยของเมืองแห่งนี้ 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Intourist Hotel Baku Autograph Collection 5*, Baku หรือเทียบเท่า 
  • Day 4
    4) วันที่ 12/4/2563 บากู - ทบิลิซี (จอร์เจีย) - อารามโบดเบ - ซิกนากี (Sighnaghi) (B/L/D)

    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      07.00 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเฮดาอาลิเยฟ เตรียมตัวสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศสู่เมืองทบิลิซี-จอร์เจีย
      09.30 น. เหินฟ้าสู่ เมืองทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย โดยสายการบิน AZERBAIJAN AIRLINES เที่ยวบินที่ J2-9223 
      (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 10 นาที) 
      10.40 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติโชตารุสตาเวลี ทบิลิซี หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ออกเดินทางไปยัง เมืองซิกนากี (Sighnaghi) เมืองเล็กๆที่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่เกิน 3,000 คนในเขตแคว้นคาเคติ (Khakheti) เมืองนี้มีชื่อที่มาจากภาษาเตอร์กิชว่า “Signakh” แปลว่า “ที่พักอาศัย” ปัจจุบันได้ถูกเรียกขานว่า 
      นครแห่งความรัก (Love City) เนื่องจากสถาปัตยกรรมและสีสันอันอ่อนหวานของบ้านเรือนแบบพื้นบ้านที่ทอดตัวอยู่บนเนินเขา เมื่อมองลงไปจะมองเห็นผืนที่ราบกว้างใหญ่ ซิกนากีเป็นเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์อีกแห่งของจอร์เจีย ในฐานะเป็นศูนย์กลางทางการค้าและงานศิลปะพวกช่างฝีมือแขนงต่างๆ สิ่งสำคัญโดดเด่นเฉพาะถิ่นแถบนี้คือ การทำไร่องุ่นและการบ่มไวน์ที่มีชื่อเสียงมาช้านาน ที่นี่เป็นแหล่งเพาะองุ่นพันธุ์ที่ดีที่สุดในจอร์เจีย เขตคาเคติมีกำลังการผลิตไวน์ได้ถึงร้อยละ 70 ของประเทศ 
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย นำท่านชม อารามโบดเบ (Bodbe Monastery) ที่ตั้งอยู่ห่างจากซิกนากีออกไป 2 กิโลเมตร ถือเป็นสถานที่แสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญมากอีกแห่งหนึ่ง ใช้เป็นสถานที่บูชาระลึกถึงนักบุญนิโน (St.Nino) ผู้เผยแพร่คริสต์ศาสนาของจอร์เจียในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4
      นำชม พิพิธภัณฑ์มนุษยวิทยาและโบราณคดีแห่งซิกนากี (Ethnographic and Archaeological Museum) บริเวณภายในชั้นล่างจัดแสดงวัตถุโบราณต่างๆที่ขุดค้นพบจากสุสานในแถบหุบเขาอลาซานี (Alazani) เครื่องแต่งกาย เครื่องดนตรี เครื่องมือ อาวุธต่างๆ ส่วนชั้นบนท่านจะได้ชมภาพเขียนของนักประพันธ์กวีผู้โด่งดังในจอร์เจีย 
      Niko Pirosmani และ Lado Gudiashvili จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นในเมืองซิกนากี เมืองเล็กๆบนเนินเขา ช้อปปิ้งงานถักทอพื้นเมืองที่ทำโดยชาวบ้านในราคากันเอง
      เมื่อได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางไปเช็คอินเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนและเปลี่ยนอิริยาบถ 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พร้อมชิมไวน์ท้องถิ่นตามแบบฉบับของจอร์เจีย
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Kabadoni Boutique Hotel 4*, Sighnaghi หรือเทียบเท่า
  • Day 5
    5) วันที่ 13/4/2563 ซิกนากี - ทบิลิซี (Tbilisi) (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      เดินทางสู่ เมืองทบิลิซี (โดยมีระยะทาง 120 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง 15 นาที)
      ชีพจรลงเท้าอีกครั้งด้วยการท่องเที่ยวใน เมืองทบิลิซี (Tbilisi) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคูรา (Kura) หรือเรียกว่า แม่น้ำมตควารี (Mtkvari) ในภาษาจอร์เจียน เมืองทบิลิซีเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1,700 ปี เริ่มสร้างเมืองขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 โดยวาคตัง กอร์กาซาลี ( King Vakhtang Gorgasali of Katli ) กษัตริย์จอร์เจียแห่งไอบีเรีย  
      นำท่านขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสู่ด้านบน ป้อมปราการหินนาริกาลา (Narikala Fortress) ป้อมปราการที่ได้รับการยกย่องว่าแข็งแกร่งและตีได้ยากที่สุดบนเส้นทางสายไหม และถือว่าเป็นจุดชมวิวไฮไลท์ของทบิลิซี ใกล้ๆ กันก็จะเห็นอนุสาวรีย์แม่แห่งจอร์เจีย (Mother of Georgia) โดยเป็นรูปหล่อจากอลูมิเนียมสูง 20 เมตร มือข้างหนึ่งถือดาบ ข้างหนึ่งถือแก้วไวน์ เป็นสัญลักษณ์แสดงลักษณะนิสัยของชาวจอร์เจียที่มีมิตรไมตรีต่อแขกที่มาเยือนแต่ก็พร้อมที่จะสู้กับศัตรูที่เข้ามารุกราน
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
      นำท่านชมสถานที่สำคัญต่างๆของเมืองทบิลิซี อันได้แก่ โบสถ์เมเตคี (Metekhi Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผาที่เบื้องล่างเป็นแม่น้ำมตควารี สายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวจอร์เจีย ในอดีตถูกใช้เป็นป้อมปราการและที่พำนักของกษัตริย์ ในบริเวณเดียวกันท่านจะได้พบกับอนุสาวรีย์ทรงม้าของกษัตริย์วาคตัง กอร์กาซาลี ผู้สร้างเมืองตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม แล้วนำท่านชม โรงอาบน้ำแร่เก่าแก่ (Bath Houses) ในย่านโซโลลากี (Sololaki) ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องบ่อน้ำร้อนกำมะถันธรรมชาติ (Sulphur Spring Water) 

      จึงเหมาะกับกิจกรรมออนเซ็นในแบบฉบับของจอร์เจีย โรงอาบน้ำเหล่านี้ยังมีการให้บริการอยู่ในปัจจุบัน และเป็นที่นิยมของชาวเมืองทบิลิซี 
      นำท่านเดินชม ย่านเมืองเก่า (Old Tbilisi) นครหลวงทบิลิซี หนึ่งในชุมชนคริสเตียนที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่เคยถูกรุกรานหลายครั้งหลายคราจากพวกชาวอาหรับ เปอร์เซีย มองโกล และรัสเซีย ทำให้นครแห่งนี้ผสมผสานไปด้วยชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์เก่าแก่ต่างๆที่อาศัยอยู่มายาวนานหลายชั่วอายุคน เป็นย่านเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหล อาทิเช่น ย่านโซโลลากี บ้านเรือนพื้นเมืองอายุหลายร้อยปีที่เป็นศิลปะผสมผสานระหว่างยุโรปกับเปอร์เซีย รวมทั้งเป็นย่านที่ตั้งของโรงอาบน้ำโบราณของทบิลิซีอีกด้วย ถนนชาร์ดีน (Chardin Street) ถนนคนเดินขึ้นชื่อสายหนึ่งในย่านเมืองเก่าที่เป็นศูนย์รวมร้านค้าต่างๆ
      อิสระให้เดินเล่นบน ถนนรุสตาเวลี (Rustaveli Avenue) เป็นถนนธุรกิจสายหลักของนครที่สองฟากถนนมีอาคารสไตล์ยุโรปสวยงามตั้งเรียงรายเต็มไปด้วยร้านค้าหรูหรา ร้านกาแฟ ร้านแผงลอยขายของที่ระลึกมากหลากหลายวางอวดโฉมอยู่บนทางเท้าราวกับพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง พร้อมชมจัตุรัสหลักอีกแห่งหนึ่งของเมืองที่สวยงามโดดเด่นอย่างจัตุรัสเซ็นต์จอร์จ (St.George Square)
      นำท่านชมโบสถ์นิกายออโธด๊อกซ์ วิหารตรีเอกานุภาพแห่งทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi) โบสถ์นี้ในภาษาท้องถิ่นมีชื่อว่า ซาเมบา (Sameba) เป็นโบสถ์คริสต์ออโธด๊อกซ์ที่สูงสุดเป็นอันดับสามของโลก (ความสูง 84 เมตร) ใช้เวลาในการก่อสร้างกว่า 10ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ. 2004 เดิมสถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นสุสานเก่าของชาวอาร์เมเนียในกรุงทบิลิซี 
      ค่ำ        รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก The Biltmore Tbilisi hotel 5*, Tbilisi หรือเทียบเท่า
  • Day 6
    6) วันที่ 14/4/2563 ทบิลิซี - มซเฮตา (Mtskheta) - กูดาวรี (Gudauri) - คาซเบกิ (Kazbegi) (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      นำท่านเที่ยว เมืองมซเฮตา (Mtskheta) เมืองที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของจอร์เจีย ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงทบิลิซีไป 25 กิโลเมตร ในอดีตเมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรไอบีเรียตั้งแต่ในช่วงยุค 300 ปีก่อนคริสตกาล จนกระทั่งศตวรรษที่ 5 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน “โบราณสถานแห่งเมืองมซเฮตา” ให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 1994
      จากนั้นนำท่านสู่ อารามจวารี (Jvari Monastery) จากเนินเขาที่ตั้งของอารามจะมองเห็นวิวทิวทัศน์สวยงามของอดีตเมืองหลวงเก่าของจอร์เจีย และเป็นบริเวณจุดบรรจบกันของแม่น้ำสองสายหลักของจอร์เจีย คือ แม่น้ำมตควารีและแม่น้ำอารักวี อารามแห่งนี้เป็นที่เก็บไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในสามอันที่สร้างในสมัยนักบุญนีโน่ 
      จากนั้นนำท่านชม มหาวิหารสเวติสโฆเวลี (Svetitskhoveli Cathedral) สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 ที่นี่คือศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในจอร์เจีย ภายในมหาวิหารแห่งนี้จะมีภาพเขียนเฟรสโก้ที่สวยงามบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับคริสต์ศาสนา และยังมีหลุมฝังพระศพของกษัตริย์จอร์เจียที่สำคัญอีกสองพระองค์คือ กษัตริย์วาคตัง กอร์กาซาลี (King Vakhtang Gorgasali of Katli) แห่งศตวรรษที่ 4 และกษัตริย์อีเรคเคิลที่สอง (King Erekle II) แห่งศตวรรษที่ 18  
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
      บ่าย ออกเดินทางต่อไปบนเส้นทางหลวงทหารจอร์เจียสายประวัติศาสตร์ (Georgian Military Highway) ทางทิศเหนือของทบิลิซี สู่เมืองคาซเบกิ ระหว่างทางแวะชม ป้อมปราการอันนานูรี (Ananuri Fortress) ซึ่งเป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอารักวีใกล้อ่างเก็บน้ำซินวาลี สร้างขึ้นโดยท่านดยุคแห่งอารักวีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่13 
      ป้อมปราการนี้ประกอบด้วยสองส่วนเข้าด้วยกัน คือ ป้อมปราการส่วนบนที่เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมนั้นถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี และป้อมปราการส่วนล่างที่มีลักษณะอาคารทรงกลมอยู่ในสภาพถูกทำลายเสียหายโดยส่วนใหญ่ ปัจจุบันป้อมปราการแห่งนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย (Unesco Tentative List)  
      เดินทางต่อสู่เมืองแห่งสกีรีสอร์ทที่สวยงามแห่งเทือกเขาคอเคซัส ณ ระดับความสูง 2,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นประตูหน้าด่านสู่ เมืองสเตปันทสมินดา (Stepantminda) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า เมืองคาซเบกิ (Kazbegi) บนเส้นทางหลวงทหารสายนี้ ท่านจะได้เพลิดเพลินกับความงดงามตระการตาของวิวทิวทัศน์แถบเทือกเขาคอเคซัส (The Greater Caucasus) ตลอดเส้นทาง คาซเบกิเป็นชื่อเรียกในสมัยที่ถูกปกครองโดยสหภาพโซเวียต เมืองใกล้ชายแดนรัสเซียที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความงามทางธรรมชาติของทิวทัศน์และยอดเขาคาซเบ็ก (Mount Kazbek) ซึ่งมีความสูง 5,047 เมตร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดเป็นอันดับเจ็ดของเทือกเขาคอเคซัส 
      นำท่านนั่งรถจี๊ป (คันละ 4-5 ท่าน) ขึ้นสู่ยอดเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของ โบสถ์สมินดา ซาเมบา (Tsminda Sameba Church / Gergeti Trinity Church) ในระดับความสูง 2,170 เมตรที่อยู่ใกล้หมู่บ้านเกอเกติ โบสถ์เก่าแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 14 มีอายุกว่า 700 ปี ปัจจุบันโบสถ์แห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของจอร์เจีย และได้ขึ้นหน้าปกของหนังสือท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง Lonely Planet อิสระให้ท่านถ่ายภาพวิวทิวทัศน์บริเวณรอบๆ โบสถ์ที่มองเห็นหมู่บ้านเกอเกติอยู่เบื้องหน้าและเมืองคาซเบกิอยู่เบื้องหลังและทุ่งหญ้ารอบเนินเขาเป็นแหล่งอาหารของฝูงวัวแห่งคอเคซัสด้วย (ก่อนเข้าชมโบสถ์ด้านใน เฉพาะผู้หญิงจะต้องนุ่งผ้าที่ทางวัดเตรียมไว้ให้) 
      จากนั้นเดินทางกลับลงไปยังเมืองเพื่อเปลี่ยนเป็นรถบัส แล้วเดินทางต่อกลับสู่โรงแรมที่พัก
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Rooms Hotel 4*, Kazbegi หรือเทียบเท่า
  • Day 7
    7) วันที่ 15/4/2563 คาซเบกิ (Kazbegi) - โกรี (Gori) - นครถ้ำอุพลิทซิเฆ - ทบิลิซี (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม พร้อมชมทิวทัศน์ของเทือกเขาคอเคซัส ณ ระเบียงเบื้องหน้าของโรงแรม
      เดินทางต่อสู่เมืองโกรี (ระยะทางราว 150 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที) ระหว่างทางให้ท่านแวะถ่ายรูปที่ อนุสรณ์สถานมิตรภาพระหว่างจอร์เจียและรัสเซีย (Georgia&Russia Friendship Monument)
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย เมืองโกรี เป็นเมืองหลวงของแคว้นชีดา คาร์ตลี ในยุคของสหภาพโซเวียต โกรีได้ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม อีกทั้งเป็นบ้านเกิดของโจเซฟ สตาลิน อดีตจอมเผด็จการผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของโลกช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชม พิพิธภัณฑ์และบ้านเกิดของโจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin Museum) พร้อมทั้งรถไฟที่เขาใช้ในการเดินทางไปประชุมในที่ต่างๆ  
      นำท่านเดินทางไปชม นครถ้ำอุพลิทซิเฆ (Uplistsikhe) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองโกรีไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 15 กิโลเมตร อุพลิทซิเฆ คือนครถ้ำที่เคยเป็นถิ่นฐานของผู้คนและอารยธรรมในแถบนี้ตั้งแต่เมื่อ 3,000 ปีก่อน หินผาขนาดใหญ่ถูกสกัดและสลักเสลาเป็นช่องห้องโถงต่างๆมากมายจนกลายเป็นนครถ้ำตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาหินทราย ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ ในอดีตถ้ำอุพลิทซิเฆเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของจอร์เจียฝั่งตะวันออกตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล และช่วงที่เมืองนี้มีความเจริญสุดขีดคือในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9-11 ก่อนจะถูกรุกรานโดยชาวมองโกลในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 และถูกปล่อยให้เป็นเมืองร้างไป ประการสำคัญ นครถ้ำอุพลิทซิเฆนี้ คือ
      ส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมที่เชื่อมต่อเมืองไบแซนติอุมแห่งจักรวรรดิ์ไบแซนไทน์ ปัจจุบันคือ อิสตันบูลของตุรกี 
      เมื่อเดินทางกลับถึงเมืองทบิลิซีแล้ว 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก The Biltmore Tbilisi hotel 5*, Tbilisi หรือเทียบเท่า

  • Day 8
    8) วันที่ 16/4/2563 ทบิลิซี (จอร์เจีย) - โกชาแวงค์ (อาร์เมเนีย) - ฮักอาร์ตซิน - ดิลิจัน (Dilijan) (B/L/D)

    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      08.00 น. เดินทางมุ่งหน้าสู่ เมืองซาดาโคล ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงทบิลิซีราว 72 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที อันเป็นเมืองหน้าด่านพรมแดนระหว่างจอร์เจียและอาร์เมเนีย (ในการข้ามพรมแดนทั้งสองประเทศ จะมีช่วงรอยต่อพรมแดนที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ(No Man Land) ท่านต้องลากกระเป๋าของตนเองโดยมีระยะทางรวม 200-250 เมตร เพราะไม่มีคนยกกระเป๋าบริการเนื่องจากเป็นเขตแดนควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด)  
      หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้ว 
      นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านโกช (Gosh) เขตจังหวัดทูวาชทางตอนเหนือของอาร์เมเนีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของอารามสำคัญทั้ง 2 แห่ง คือ อารามโกชาแวงค์ (Goshavank Monastery) สร้างในช่วงคริสต์ศตวรรษที่12-13 เป็นอารามเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของอาร์เมเนีย แม้ในปัจจุบันจะไม่ได้ใช้งานทางศาสนกิจแล้วก็ตาม แต่ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเพราะเป็นอารามที่เก็บรักษากางเขนหินแกะสลัก (Khachkar) ที่มีลวดลายละเอียดลออ ถือเป็นหนึ่งในต้นแบบผลงานชิ้นเอกสวยระดับโลกที่หาชมได้ยาก ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "Aseghnagorts" (The Needlecarved) ส่วนชื่ออารามนี้ได้ตั้งชื่อตามชื่อของผู้บูรณะซ่อมแซมใหม่นามว่า Mkhitar Gosh 
      จากนั้นนำท่านชม อารามฮักอาร์ตซิน (Haghartsin Monastery) สร้างในช่วงคริสต์ศตวรรษที่10-13 เป็นอารามเก่าแก่ที่มีอายุใกล้เคียงกันกับอารามโกชาแวงค์ โดยอารามนี้สร้างขึ้นด้วยทุนทรัพย์ของตระกูลบากราตูนีส่วนใหญ่ ส่วนชื่ออารามนี้มาจากคำว่า ฮัก แปลว่า โบยบิน ส่วนคำว่า อาร์ตซิน แปลว่า นกอินทรี จึงมีความหมายว่า อารามแห่งนกอินทรีโบยบิน อารามทั้งสองแห่งข้างต้นจัดเป็นผลงานที่โดดเด่นทางสถาปัตยกรรมในแบบฉบับอาร์เมเนียในยุคกลาง 
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย นำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองดิลิจัน (Dilijan) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบเซวาน ริมแม่น้ำอัคซเทป อยู่สูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีป่าเขียวชอุ่มและอากาศเย็นสดชื่นตลอดปี จึงกลายเป็นเมืองที่สำคัญทางด้านการท่องเที่ยว และได้ชื่อว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งอาร์เมเนีย (Little Switzerland of Armenia) 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Best Western Paradise Resort  4*, Dilijan หรือเทียบเท่า 
  • Day 9
    9) วันที่ 17/4/2563 ดิลิจัน - เซวาน - การ์นี (Garni) - เก็กเคริท - เยเรวาน (B/L/D)

    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
      ออกเดินทางผ่าน เมืองเซวาน แวะเก็บภาพความสวยงามของทะเลสาบเซวาน (Sevan Lake) ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเขตเทือกเขาคอเคซัส และโบสถ์เซวานาแวงค์ (Sevanavank Monastery) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบทางตะวันตกเฉียงเหนือ  คำว่า "แวงค์" เป็นภาษาอาร์เมเนียแปลว่า วิหาร  สร้างโดยเจ้าหญิงมาเรียม พระธิดาของกษัตริย์อาชอตที่ 1 (Ashot I) ในปีค.ศ.874 เมื่อเก็บภาพกัน
      พอสมควรแล้วเดินทางต่อ (ระยะทางประมาณ 85 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง 30 นาที)
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย นำท่านชม วิหารการ์นี (Garni Temple) ในอดีตเมื่อ 3 ปีก่อนคริสตกาลมาแล้ว พบว่าเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์และเป็นเมืองสำคัญในยุคจักรวรรดิ์โรมัน ในเวลาต่อมา บริเวณนี้เคยใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์แห่งอาร์เมเนียจนถึงราชวงศ์สุดท้ายที่กษัตริย์ถูกลอบสังหารโดยลูกเขยและหลานของพระองค์เอง วิหารเสียหายจากแผ่นดินไหวเมื่อปีค.ศ.1679 สิ่งที่พบเห็นในปัจจุบันจะเป็นการบูรณะซ่อมแซมใหม่ ลักษณะสถาปัตยกรรมคล้ายกรีกแต่ลวดลายเป็นศิลปะแบบอาร์เมเนีย 
      ถัดจากเมืองการ์นีขึ้นไปทางเหนือ บริเวณหุบเขาใกล้แม่น้ำเอแซท (Azat River) นำท่านชมสถาปัตยกรรมวัดถ้ำ หรือ วิหารเก็กเคริท (Geghard Monastery) ที่แกะสลักจากภูเขาหิน (คล้ายวิหารฮินดูที่เมืองอจันต้า-อินเดีย) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 ซึ่งเป็นยุคที่ศาสนาคริสต์กำลังรุ่งเรือง แต่มาถูกทำลายในช่วงศตวรรษที่ 9 จากการรุกราน
      ของชาวอาหรับ อย่างไรก็ตามภายในวิหารยังมีการตกแต่งที่สวยงาม มีการตัดหินเป็นรูปคานโค้งอย่างงดงามรวมทั้งมีภาพแกะสลักบนกำแพงหินในรูปต่างๆที่สื่อความหมายต่างๆอีกด้วย 
      จากนั้นเดินทางต่อเข้าสู่ กรุงเยเรวาน เมืองหลวงของประเทศอาร์เมเนีย
      นำท่านชม จัตุรัสกลางเมือง (Republic Square) เดิมทีชื่อว่า Lenin Square ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางทั้งด้านธุรกิจและด้านการปกครอง อันเป็นที่ตั้งของกระทรวงสำคัญต่างๆหลายกระทรวง มีตึกอาคารต่างๆที่รายล้อมรอบจัตุรัสนั้นสวยงามโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบอาร์เมเนียน มีน้ำพุตั้งอยู่ที่จัตุรัสดังกล่าว ซึ่งช่วงกลางคืนจะมีการเปิดให้ชมน้ำพุเต้นระบำเป็นรอบๆด้วยเช่นกัน 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Marriott Hotel 5*, Yerevan หรือเทียบเท่า 
  • Day 10
    10) วันที่ 18/4/2563 เยเรวาน - คอร์วิราบ - เอคเมียทซิน - ซวาสนอทซ์ - เยเรวาน คาสเคด (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      นำท่านเดินทางไปยังเขตอารารัตและตรงไปสู่วิหารคอร์วิราบ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของอาร์เมเนียและตุรกีเพียง 8 กิโลเมตร ใกล้แนวเทือกเขาอารารัต นำชม วิหารคอร์วิราบ ตั้งอยู่ที่ความสูง 829 เมตร คำว่า “คอร์” เป็นชื่อของนักบุญเกรกอรี่ “วิราบ” เป็นภาษาอาร์เมเนีย แปลว่า หลุมลึก สถานที่แสวงบุญของชาวคริสต์ วิหารคอร์วิราบสร้างตั้งแต่ปีค.ศ.642 โดยคำแนะนำของนักบุญเกรกอรี่ที่ให้คำปรึกษาด้านศาสนาแก่กษัตริย์ธิริเดทที่ 3 (Tiridates III) ทำให้ศาสนาคริสต์เป็นที่เลื่อมใสและอาร์เมเนียเป็นประเทศแรกในโลกที่ได้ประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ บริเวณบนนี้เองท่านสามารถมองเห็นวิวยอดเขาอารารัตใหญ่ (5,137 เมตร) และยอดเขาเลสเซอร์อารารัต (3,896 เมตร) ได้อย่างชัดเจนหากฟ้าเปิดเป็นใจ 
      จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเอคเมียทซิน (Echmiadzin) อยู่ห่างจากกรุงเยเรวานราว 20 กิโลเมตร นำชม คริสตจักรเอคเมียทซิน (Echmiadzin Cathedral) หรือ อีกชื่อหนึ่งว่า วิหารพระมารดาแห่งคริสตจักรอาร์เมเนีย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรอาร์เมเนีย มีความสำคัญเทียบเท่าเสมือนเป็นวาติกันของอาร์เมเนีย และที่แห่งนี้จัดเป็นโบสถ์คริสต์แห่งแรกที่เก่าแก่ที่สุดของโลก โดยมีตำนานเล่าว่า มันเป็นสถานที่ที่พระเยซูคริสต์เสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อแสดงตำแหน่งที่พระองค์มีพระประสงค์ให้สร้างโบสถ์ ดังนั้น 
      คำว่า “Echmiadzin” หมายถึง "The only-begotten descended" โบสถ์ถูกสร้างขึ้นโดยนักบุญเกรกอรี่ (St.Gregory) ในระหว่างปีค.ศ.301-303 เดิมสร้างด้วยไม้และบูรณะเปลี่ยนเป็นหิน ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ที่สำคัญคือได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.2000 นอกจากนี้ภายในบริเวณเขตรั้วของมหาวิหารก็มีกลุ่มอาคารต่างๆ อาทิเช่น ห้องสมุด โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยสอนศาสนาและที่สำคัญคือ พระราชวังประทับขององค์พระสังฆราชแห่งอาร์เมเนีย หรือที่เรียกว่า “คาทอลิโก้” (Catholico)  
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย เดินทางไปชมซากปรักหักพังของ อารามซวาสนอทซ์ (Zvartnots Cathedral) สร้างขึ้นในช่วงเวลาที่อาร์เมเนียอยู่ภายใต้การควบคุมของอาณาจักรไบเซนไทน์และในช่วงต้นของการรุกรานอาร์เมเนียโดยชาวอาหรับมุสลิม ซึ่งการก่อสร้างวิหารเริ่มขึ้นในปีค.ศ.643 โดยคาทอลิโก้ เนอร์เสส (Catholico Nerses the Builder) เพื่ออุทิศให้แก่นักบุญ
      เกรกอรี่ หลังจากการยึดครองของชาวอาหรับและสงครามรุนแรงทวีระหว่างกองทัพไบเซนไทน์และอาหรับที่บริเวณชายแดนตะวันออก รวมทั้งเกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงหลายครั้ง อารามแห่งนี้จึงเหลือเพียงซากปรักหักพังถูกฝังไว้อยู่ใต้ดินจนกระทั่งมีผู้มาขุดค้นเจอโดยบังเอิญในปีค.ศ.1905 แต่จากการศึกษาโครงสร้างทำให้ทราบว่าอารามแห่งนี้ เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สวยมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุคนั้น จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปีค.ศ.2000 
      ก่อนอำลาอาร์เมเนีย....ดินแดนแห่งคริสต์ศรัทธา นำท่านชม กรุงเยเรวาน (Yerevan) เมืองที่มีประวัติย้อนไปในยุคศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล เดิมชื่อ เมืองเยเรบูนี่ (Erebuni) เมืองหลวงแห่งนี้จัดเป็นเมืองที่สวยงามแห่งหนึ่งในแถบภูมิภาคคอเคซัสที่มีรูปแบบโครงสร้างอาคารสถาปัตยกรรมในตัวเมืองมีกลิ่นอายของการผสมผสานระหว่างยุโรปและรัสเซีย และตั้งอยู่ในระดับสูงกว่า 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศจึงเย็นสบาย กรุงเยเรวานตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ราบหุบเขาอารารัต มีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านชื่อ แม่น้ำราซดัน (Hrazdan River)  
      นำท่านชม เยเรวาน คาสเคด (Yerevan Cascade) สิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ซึ่งมีลักษณะเป็นขั้น บันไดลดหลั่นกันลงมามีความสูงประมาณ 500 เมตรและมีการปล่อยน้ำลงมาเสมือนเป็นน้ำตกขั้นบันได โดยภายในของอาคารดังกล่าวยังเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงศิลปะร่วมสมัยตามขั้นบันไดอย่างสวยงามสะดุดตา เมื่อขึ้นเป็นถึงชั้นบนสุด ท่านสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของกรุงเยเรวานได้โดยรอบ 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น มื้ออำลาภูมิภาคคอเคซัส
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก Marriott Hotel 5*, Yerevan หรือเทียบเท่า 
  • Day 11
    11) วันที่ 19/4/2563 กรุงเทพฯ (Bangkok)
    • 01.00 น.    เดินทางสู่สนามบิน เตรียมตัวเช็คอินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
      03.00 น.    เหินฟ้าสู่ เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์ โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR 286
      (ใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง 55 นาที) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)
      04.55 น.       เดินทางถึงสนามบินโดฮา เปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง กรุงเทพฯ 
      08.30 น. เหินฟ้าสู่ กรุงเทพ ประเทศไทย โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR 832 
      (ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 30 นาที)  (บริการอาหารบนเครื่องบิน)
      19.00 น.       เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
      ===========================

Top